
คำจำกัดความ
เว้นแต่จะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น คำหรือถ้อยคำดังต่อไปนี้
ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ดังนี้
“โครงข่ายโทรคมนาคม” หมายความว่า
กลุ่มของเครื่องโทรคมนาคมที่ต่อถึงกันโดยตรง หรือโดยผ่านเครื่องชุมสายหรือเครื่องอื่นใด
เพื่อการโทรคมนาคมระหว่างจุดหมายปลายทางที่กำหนดด้วยระบบสายระบบคลื่นความถี่
ระบบแม่เหล็กไฟฟ้าอื่น
ระบบใดระบบหนึ่งหรือหลายระบบรวมกัน และให้หมายความรวมถึงอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่
โปรโตคอล โปรแกรม
คอมพิวเตอร์
และระบบสนับสนุนการทำงานที่จำเป็นสำหรับใช้หรือดำเนินการในการเข้าถึงเพื่อการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมในทางเทคนิคด้วย
“เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม” หมายความว่า การเชื่อมต่อระหว่างโครงข่ายโทรคมนาคม
ภายใต้ความตกลงทางเทคนิคและทางพาณิชย์เพื่อให้ผู้ขอใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่ายสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการหรือใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ให้บริการโครงข่ายได้
“ข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม”
หมายความว่า ข้อเสนอให้บริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมตามหลักเกณฑ์
วิธีการและรายละเอียดซึ่งได้จัดทำโดยผู้ให้บริการโครงข่ายที่เสนอและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
“ทราฟฟิค” หมายความว่า ทราฟฟิคโทรคมนาคมได้แก่ ทราฟฟิคประเภทเสียง และทราฟฟิค
ประเภทข้อมูล
“รอบการใช้บริการ”
หมายความว่า
รอบระยะเวลาของการให้บริการการใช้โครงข่ายเพื่อใช้ในการเรียกเก็บค่าตอบแทนการให้บริการการใช้โครงข่ายตามที่ผู้ให้บริการโครงข่ายกำหนด
ซึ่งไม่เกินกว่า 31 วันต่อรอบ
“เหตุสุดวิสัย” หมายความว่า เหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดี เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้น จะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น และเพื่อประโยชน์ในการตีความข้อตกลงนี้ เหตุสุดวิสัยให้รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) การก่อการกบฏ การก่อการร้าย สงคราม การปฏิวัติ รัฐประหาร ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ อัคคีภัย ธรณีพิบัติภัย วาตภัย อุทกภัย การระเบิด การก่อวินาศกรรม แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงข้อพิพาททางด้านแรงงานทุกประเภทรวมทั้งการนัดหยุดงาน
ข้อความทั่วไป
ข้อ 1
ผู้ขอใช้โครงข่ายประสงค์ที่จะขอใช้โครงข่ายโทรคมนาคมของผู้ให้บริการโครงข่ายเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะรับหรือส่ง
หรือส่งและรับทราฟฟิคโทรคมนาคมซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ในข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างผู้ใช้กับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย
โดยผู้ขอใช้โครงข่ายได้เห็นชอบและจะปฏิบัติให้เป็นตามข้อเสนอฉบับและตามที่ระบุเป็นข้อกำหนดร่วมกันไว้
ตลอดจนข้อตกลงที่อาจมีการตกลงเพิ่มเติม
ข้อ 2 ผู้ขอใช้โครงข่ายขอรับรองว่าตนเองมีสิทธิ์และหน้าที่โดยสมบูรณ์ในการให้บริการโทรคมนาคมภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (คณะกรรมการ) ตลอดระยะเวลาที่มีการใช้โครงข่ายระหว่างกัน
ข้อ 3 ห้ามมิให้มีการโอนสิทธิ ผลประโยชน์ หน้าที่ และความรับผิดชอบใดๆ ของผู้ขอใช้โครงข่ายอันเกี่ยวเนื่องกับการใช้โครงข่ายตามข้อเสนอและข้อตกลงร่วมกันขอใช้ที่มีขึ้น ไปยังบุคคลอื่นโดยมิได้รับความเห็นชอบเป็นหนังสือจากผู้ให้บริการโครงข่าย
ข้อ 4 ผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องวางหลักประกันเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของผู้ขอใช้โครงข่ายตามที่กำหนดไว้ร่วมกัน
ข้อ 5 ผู้ขอใช้โครงข่ายขอรับรองว่า ผู้ขอใช้โครงข่ายมีอำนาจเข้าดำเนินการขอใช้โครงข่าย ตลอดจนมีอำนาจในการเข้าทำข้อตกลงร่วมกันและปฏิบัติตามข้อกำหนดร่วมกันในการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมกับผู้ให้บริการโครงข่าย รวมไปถึงข้อกำหนดร่วมกันที่อาจมีการตกลงแก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 6 ภายใต้หลักเกณฑ์ของประกาศของคณะกรรมการ ว่าด้วยการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหน้า หากผู้ให้บริการโครงข่ายมีความจำเป็นต้องทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติกรณีทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการหรือสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ขอใช้โครงข่ายยินยอมผู้ให้บริการโครงข่ายดำเนินการได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดข้อตกลงใดๆ ที่กำหนดไว้ในเอกสารข้อตกลงร่วมกัน
ข้อ 7 การตีความให้ตีความตามเอกสารข้อตกลงร่วมกัน กรณีที่ข้อตกลงร่วมกัน หรือเอกสารที่ใช้ประกอบตามข้อตกลงร่วมกัน มิได้ระบุกรณีใดกรณีหนึ่งไว้โดยชัดแจ้ง ให้พิจารณาจากข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมที่ผู้ให้บริการโครงข่ายได้จัดทำขึ้นและมีผลใช้บังคับอยู่ก่อน วันที่ที่ข้อตกลงร่วมกันจะมีผลใช้บังคับ
มาตรฐานทางเทคนิคสำหรับการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 8
การใช้โครงข่ายของผู้ขอใช้เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย
ผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องจัดให้โครงข่ายของตนมีมาตรฐานทางเทคนิคที่เข้ากันได้กับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่ายที่มีใช้อยู่
หรือเป็นไปตามที่คณะกรรมการจะมีการประกาศกำหนดและบังคับใช้ในภายหน้า
ในเรื่องที่ว่าด้วยมาตรฐานของโครงข่ายโทรคมนาคมและอุปกรณ์แห่งพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม
พ.ศ.2544
คุณภาพการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 9
ผู้ให้บริการโครงข่ายจะจัดให้บริการการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมที่มีคุณภาพที่เป็นไปตามคำตอบรับการขอใช้
ซึ่งจะเป็นไปตามมาตรฐานที่ถือปฏิบัติในสากลภายใต้การกำกับดูแลที่คล้ายกับประเทศไทย
หรือเป็นไปตามที่คู่
ข้อกำหนดร่วมกัน จะต้องลงกัน
หรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขว่าด้วยมาตรฐานบริการที่ดีตามที่คณะกรรมการจะประกาศกำหนดและถือบังคับใช้
ทั้งนี้จะต้องไม่เกินไปกว่าคุณภาพที่ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการโครงข่ายเอง
กระบวนการและวิธีการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม และจุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
กระบวนการและวิธีการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 10 การจัดให้มีการเชื่อมต่อ
เว้นแต่จะมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น ผู้ให้บริการโครงข่ายอาจจะขยายระยะเวลาการจัดให้มีการเชื่อมต่อเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยดังกล่าวตามแต่ละกรณีที่เกิดขึ้น
ข้อ 11 การทดสอบ
11.1 การเชื่อมต่อผู้ขอใช้เข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย ทั้งสองฝ่ายตกลงจัดให้มีการทดสอบทางเทคนิคของระบบที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในการให้บริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมก่อนที่จะให้มีการเปิดให้บริการจริง เพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อม และความถูกต้องของระบบก่อนที่จะเปิดให้บริการ ทั้งนี้ หากในขั้นตอนของการทดสอบนี้ต้องล่าช้าอันเนื่องมาจากสาเหตุดังนี้
(1) การไม่ให้ความร่วมมือของผู้ขอใช้โครงข่ายหรือ
(2) เหตุขัดข้องทางเทคนิค หรือ
(3) เหตุอื่นใดที่ได้มีการตกลงกันไว้แล้วแต่ละกรณี
ด้วยเหตุแห่งความล่าช้าดังกล่าว หากส่งผลถึงการจัดให้มีการเชื่อมต่อแล้ว ผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิขยายระยะเวลาที่จะเริ่มให้บริการใช้โครงข่ายออกไป ตามจำนวนระยะเวลาที่เหตุแห่งความล่าช้าเกิดขึ้นจนกระทั่งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง
11.2 การกำหนดรายละเอียดของการทดสอบให้เป็นไปตามที่ตกลงกันและตามความเหมาะสม ทั้งนี้จะต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ของการการตรวจสอบความพร้อม และความถูกต้องของระบบก่อนให้บริการ
ข้อ 12 ผู้ให้บริการโครงข่ายจะเปิดให้บริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมเมื่อผู้ขอใช้บริการโครงข่ายได้ทดสอบการใช้โครงข่ายแล้ว และทั้งสองฝ่ายยอมรับในเงื่อนไขรวมถึงผลการบันทึกข้อมูลทราฟฟิคและแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลทราฟฟิคที่เกิดขึ้น
จุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 13 ผู้ให้บริการโครงข่ายจะจัดให้มีจุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคมสำหรับให้บริการกับผู้ขอใช้โครงข่าย เป็นไปตามมาตราฐานที่ผู้ให้บริการกำหนด
ข้อ 14 จุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคมแต่ละแห่งจะครอบคลุมพื้นที่บริการ (Service Area) ตามบัญชีรายชื่อจุดเชื่อมต่อของผู้ให้บริการโครงข่าย ที่จะมีการแจ้งให้ผู้ขอใช้โครงข่ายทราบก่อนการใช้โครงข่ายรวมถึงการปรับปรุงที่อาจจะมีขึ้นหลังจากการใช้โครงข่ายแล้ว
ข้อ 15 ในกรณีจำเป็นหรือเห็นสมควรที่ผู้ให้บริการโครงข่ายจะต้องทำการเพิ่ม ลดจำนวน หรือย้ายจุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้บริการของจุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายเหล่านั้น ผู้ให้บริการโครงข่ายจะต้องแจ้งให้ผู้ขอใช้โครงข่ายทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน โดยทั้งสองฝ่ายจะปรับปรุงการใช้โครงข่ายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่มีด้วยค่าใช้จ่ายของผู้ขอใช้โครงข่ายเองหรือตามแต่ที่ตกลงกัน
ระบบสื่อสัญญาณการใช้โครงข่าย
ข้อ 16 การจัดให้มีระบบสื่อสัญญาณ (Transmission System) สำหรับใช้เพื่อเชื่อมต่อผู้ขอใช้โครงข่ายเข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่ายนั้น ระบบหรืออุปกรณ์สื่อสัญญาณที่ใช้จะต้องมีมาตรฐานทางเทคนิค ตามมาตรฐานที่ผู้ให้บริการโครงข่ายเป็นผู้กำหนด หรือเป็นไปตามที่คณะกรรมการจะมีการประกาศกำหนดและบังคับใช้ในภายหน้า ในเรื่องที่ว่าด้วยมาตรฐานของโครงข่ายโทรคมนาคมและอุปกรณ์แห่งพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ซึ่งแนวทางการจัดให้มีระบบสื่อสัญญาณดังกล่าวจะมีแนวทางดังนี้
16.1 ให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ขอใช้ทั้งสิ้น ในกรณีที่ระบบสื่อสัญญาณนั้นนำมารองรับทราฟฟิคของผู้ขอใช้อย่างเดียว หรือแล้วแต่จะมีการตกลงกัน
16.2 ให้เป็นไปตามที่จะมีการตกลงกัน ในกรณีที่ระบบสื่อสัญญาณนั้นนำมารองรับทราฟฟิคของผู้ขอใช้และ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)
วงจรเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 17 การเชื่อมโครงข่ายของผู้ขอใช้เข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย สำหรับบริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม ณ จุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคมใดๆ ที่กำหนดนั้น วงจรการเชื่อมต่อจะอยู่บนพื้นฐานการเชื่อมต่อแบบวงจรมาตรฐาน Ethernet เป็นหลัก หรือที่จะมีการตกลงกันเป็นแต่ละกรณี
อาคารสถานที่สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ข้อ 18 การเชื่อมต่อโครงข่ายของผู้ขอใช้เข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย
ณ
จุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคม หากจำเป็นต้องใช้สถานที่
สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
สำหรับวัตถุประสงค์แห่งการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมตามข้อเสนอนี้
ผู้ขอใช้โครงข่ายต้องแจ้งรายละเอียดที่จำเป็นอย่างชัดเจนเป็นหนังสือแก่ผู้ให้บริการโครงข่าย
ผู้ให้บริการโครงข่าย จะจัดหาสถานที่ สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขอใช้โครงข่ายและเรียกเก็บค่าตอบแทนที่อิงต้นทุนแล้วแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ หากผู้ให้บริการโครงข่าย ไม่สามารถจัดหาสถานที่ สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกตามที่ผู้ขอใช้โครงข่ายร้องขอได้ เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิคหรือข้อจำกัดที่มีแล้ว ผู้ให้บริการโครงข่ายจะเสนอให้ผู้ขอใช้โครงข่ายพิจารณาในทางเลือกอื่นภายใต้ข้อตกลงด้านภาระค่าใช้จ่ายที่จะมีขึ้นกับผู้ขอใช้โครงข่าย
ข้อ 19 ในการจัดให้มีสถานที่ สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
สำหรับการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมให้กับผู้ขอใช้โครงข่ายนั้น ผู้ให้บริการโครงข่าย
จะจัดให้มีการบำรุงรักษาให้ใช้งานได้ดี มีความปลอดภัย
มีระเบียบการเข้าสถานที่และจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานและบำรุงรักษา
ให้กับ
ผู้ขอใช้โครงข่ายใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ข้อ 20 ผู้ขอใช้โครงข่ายมีภาระรับผิดชอบต่อค่าตอบแทนที่มีการเรียกเก็บ อันเนื่องมาจากการใช้สถานที่ สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังจะต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
อัตราค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 21 ผู้ขอใช้โครงข่ายมีหน้าที่ชำระค่าตอบแทนการใช้บริการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมของผู้ให้บริการโครงข่าย ในอัตราที่ผู้ให้บริการโครงข่ายกำหนด หรือเป็นไปตามอัตราที่คณะกรรมการจะมีการประกาศและใช้บังคับเป็นการทั่วไป
ข้อ 22 นอกเหนือจากค่าตอบแทนการใช้บริการใช้โครงข่ายอันเกิดขึ้นจากการส่งทราฟฟิคแล้ว ผู้ขอใช้โครงข่ายมีหน้าที่ชำระค่าตอบแทนอื่นๆ ตามที่เกิดขึ้นจริง ในส่วนของการจัดให้มีการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมที่ผู้ให้บริการโครงข่ายจะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงระบบใดๆ ของผู้ให้บริการโครงข่ายเพื่อรองรับการให้บริการกับผู้ขอใช้โครงข่ายเป็นการเฉพาะ หรือนอกเหนือไปกว่าที่กำหนดไว้ในข้อเสนอนี้
หลักเกณฑ์และวิธีการเรียกเก็บ การแบ่ง และการชำระค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม
ข้อ 23 ผู้ขอใช้โครงข่ายเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บค่าบริการโทรคมนาคมที่เกิดขึ้นจากการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการของตน กรณีที่ผู้ขอใช้โครงข่ายไม่สามารถเรียกเก็บหรือได้รับชำระค่าใช้บริการจากผู้ใช้บริการของตนไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ผู้ขอใช้โครงข่ายจะอ้างเหตุดังกล่าวในการที่จะปฏิเสธหรือลดจำนวนเงินค่าตอบแทนการใช้บริการใช้โครงข่าย ตลอดจนขอผ่อนเวลาการชำระค่าตอบแทนดังกล่าวต่อผู้ให้บริการโครงข่ายมิได้
ข้อ 24 การใช้โครงข่ายของผู้ขอใช้ผู้ให้บริการโครงข่าย จะจัดให้มีระบบบันทึกทราฟฟิคการใช้โครงข่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อมูลที่บันทึกดังกล่าวจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการนำมาตรวจสอบปริมาณการใช้งานโครงข่ายระหว่างผู้ขอใช้ผู้ให้บริการโครงข่าย ทั้งนี้โครงสร้างของบันทึกข้อมูลทราฟฟิคการใช้โครงข่าย จะมีลักษณะเป็นกราฟ MRTG แบบมีฐานข้อมูล RRD เพื่อตรวจสอบการใช้งานย้อนหลังได้
ข้อ 25 ในการเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม ผู้ให้บริการโครงข่ายจะเรียกเก็บทุกรอบของการใช้บริการโดยเมื่อครบกำหนดของแต่ละรอบเวลาการคำนวณแล้ว ผู้ให้บริการโครงข่ายจะดำเนินการดังนี้
25.1 ผู้ให้บริการโครงข่ายจะส่งใบแจ้งหนี้ (Invoice) เพื่อให้ผู้ขอใช้โครงข่ายชำระเงินค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายเต็มตามจำนวนที่มีการเรียกเก็บภายในเวลา 30 วันหลังจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้
25.2 หากผู้ขอใช้โครงข่ายพบว่าใบแจ้งหนี้ค่าใช้บริการการใช้โครงข่ายมีความแตกแต่งไปกว่าส่วนที่ยอมรับกันได้ ผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องแจ้งถึงความแตกต่างดังกล่าวพร้อมรายละเอียดเป็นหนังสือให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทราบภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับรายงานการใช้โครงข่ายฉบับดังกล่าว หากผู้ขอใช้โครงข่ายไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนดแล้วให้ถือว่ารายงานการใช้โครงข่ายนั้นถูกต้องและผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องชำระค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายตามจำนวนดังกล่าว
25.3 ค่าตอบแทน ค่าบริการ ค่าใช้จ่ายหรือเงินอื่นใดที่ผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิเรียกเก็บจากผู้ขอใช้โครงข่าย หากมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นหรือระบุไว้โดยชัดเจนแล้ว จำนวนเงินดังกล่าวทั้งหมดให้เป็นจำนวนเงินที่ยังมิได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตรากฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องชำระให้แก่ผู้ให้บริการโครงข่าย
25.4 เว้นแต่จะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น ผู้ขอใช้ผู้ให้บริการโครงข่ายทั้งสองฝ่าย
ต่างเป็นผู้รับผิดชอบในบรรดา
ค่าภาษีอากร ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ
ในส่วนของตนตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกประการ
ข้อ 26 ในกรณีที่ผู้ขอใช้โครงข่ายพบว่ารายงานการใช้โครงข่ายมีความแตกต่างไปจากจำนวนที่ระบุไว้และได้แจ้งให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทราบตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะใช้ความพยายามในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หรือดำเนินกระบวนการใดๆ เพื่อนำไปสู่ข้อยุติของข้อมูลที่ยอมรับกันได้
ในระหว่างการตรวจสอบความแตกต่างที่ยังไม่สามารถยุติได้นั้น ผู้ให้บริการโครงข่ายยังคงมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายในส่วนที่สามารถตรวจสอบว่ามีข้อมูลทราฟฟิคที่ไม่แตกต่างกันก่อนได้
หากผลของการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของผู้ให้บริการโครงข่ายนั้นถูกต้อง และหากผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องชำระค่าบริการการใช้โครงข่ายเพิ่มเติมให้แก่ผู้ให้บริการโครงข่าย ผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยจากผู้ขอใช้โครงข่ายเพิ่มเติมจากค่าบริการในส่วนดังกล่าว โดยเริ่มคิดจากวันที่ครบกำหนดชำระค่าบริการในส่วนที่ไม่แตกต่างกันเป็นต้นไปจนกระทั่งวันที่ผู้ขอใช้โครงข่ายชำระครบถ้วน
ข้อ 27 การชำระเงินค่าบริการการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม ผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องชำระเต็มตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ หรือตามจำนวนเงินในส่วนของข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน โดยแยกตามประเภทของทราฟฟิค ที่มีระหว่างผู้ขอใช้โครงข่ายกับผู้ให้บริการโครงข่าย การดำเนินการทางบัญชีและภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด การผิดนัดไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา ผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากผู้ขอใช้โครงข่ายเพิ่มเติมจากค่าบริการที่จะต้องชำระโดยเริ่มคิดนับจากวันที่ครบกำหนดชำระค่าบริการเป็นต้นไปจนกระทั่งวันที่ชำระครบถ้วน
ข้อ 28 ในการเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม หากพบว่ามีการเรียกเก็บค่าตอบแทนไม่ครบถ้วน ผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนของรายการที่ไม่ครบถ้วนเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้จะต้องไม่เกินกว่าระยะเวลา 90 วัน นับจากที่มีการเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมในรอบที่ไม่ครบถ้วนนั้นๆ
หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ขอใช้โครงข่าย เงื่อนไขเกี่ยวกับความลับ การเปิดเผยข้อมูล และมาตรการด้านความปลอดภัย
ข้อ 29 การใช้โครงข่ายของผู้ขอใช้เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่ายนั้นผู้ขอใช้โครงข่ายมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลตลอดจนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในส่วนความรับผิดชอบของตน ตั้งแต่จุดเข้าถึงเพื่อใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่ายย้อนไปทางโครงข่ายของผู้ขอใช้โครงข่ายด้วยค่าใช้จ่ายของผู้ขอใช้โครงข่ายเองทั้งสิ้น
การรักษาความลับ
ข้อ 30 ผู้ขอใช้ผู้ให้บริการโครงข่าย ทั้งสองฝ่ายถือว่าข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะจัดเก็บอยู่ในรูปแบบใดๆ ก็ตามที่เปิดเผยหรือส่งมอบให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนของการเจรจาขอใช้โครงข่ายโทรคมนาคมหรือในระหว่างที่เอกสารข้อตกลงร่วมกันมีผลใช้บังคับ ซึ่งต่อไปนี้จะรวมเรียกว่า “ข้อมูลอันเป็นความลับ” เป็นความลับที่ห้ามเปิดเผยต่อบุคคลใดๆ อย่างเด็ดขาด และผู้ขอใช้ผู้ให้บริการโครงข่าย ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการใช้และการเก็บรักษาข้อมูลอันเป็นความลับ ดังนี้
30.1 ใช้ข้อมูลอันเป็นความลับให้อยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์ตามเอกสารที่ตกลงร่วมกันไว้เท่านั้น
30.2 ไม่เปิดเผยข้อมูลอันเป็นความลับไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนให้บุคคลภายนอกหรือบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ตามเอกสารข้อตกลงร่วมกันนี้ ยกเว้นกรณีต้องเปิดเผยโดยผลของกฎหมาย หรือโดยคำสั่งของคณะกรรมการ หรือเจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยจะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบโดยล่วงหน้าก่อนโดยเร็ว
30.3 มีมาตรการควบคุมพนักงาน
ลูกจ้างของแต่ละฝ่ายซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานในขั้นตอนต่างๆ
ให้รับทราบถึงการใช้และเก็บรักษาข้อมูลอันเป็นความลับเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตนเท่านั้น
30.4 ดำเนินการจัดส่งคืนหรือทำลายข้อมูลอันเป็นความลับภายใน 7 วัน เมื่อได้รับแจ้งจากอีกฝ่ายหนึ่ง
ข้อ 31 การใช้โครงข่ายของผู้ขอใช้เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย การดำเนินการของผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่โครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย ตลอดจนอาคารสถานที่ สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ใช้ในการใช้โครงข่าย และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่มีโดยเคร่งครัด
ขั้นตอนการร้องขอใช้บริการใหม่และการเปลี่ยนแปลงระบบ
ข้อ 32 การเชื่อมต่อของผู้ขอใช้เข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย ระยะเวลาในการใช้
บริการใช้โครงข่ายให้เป็นไปตามที่จะมีการตกลงกันตามความเหมาะสม ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกวงจรใดๆ ก็ตามหากเกิดขึ้นจากผู้ขอใช้โครงข่าย การเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกนั้นๆ จะต้องไม่กระทบกับการลงทุนของผู้ให้บริการโครงข่ายที่ได้ลงทุนไปเพื่อรองรับการขอใช้ของผู้ขอใช้โครงข่าย ซึ่งผู้ให้บริการโครงข่ายได้ดำเนินการไปแล้ว โดยผู้ให้บริการโครงข่ายมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอากับผู้ขอใช้โครงข่ายเพื่อให้ชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว
ข้อ 33 ภายหลังจากการเชื่อมต่อได้ดำเนินการไปแล้วและผู้ขอใช้โครงข่ายประสงค์จะใช้บริการใช้โครงข่ายเพิ่มเติม ผู้ขอใช้โครงข่ายจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการการเจรจาการใช้โครงข่าย และวิธีการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมใหม่
ขั้นตอน วิธีการ และระยะเวลาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน
ข้อ 34 ในการใช้โครงข่ายของผู้ขอใช้เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายของผู้ให้บริการโครงข่าย ทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบการให้บริการ การทำงานของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้มีการกำหนดแนวทางร่วมกันถึงจะประสานงานระหว่างผู้ขอใช้โครงข่ายกับผู้ให้บริการโครงข่ายให้มีประสิทธิภาพ
ข้อ 35 หากพบว่าการให้บริการใช้โครงข่ายไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้ตกลงกัน แต่ละฝ่ายจะต้องดำเนินการดังนี้
ข้อสงวนสิทธิ์ของผู้ให้บริการโครงข่าย
ข้อ 36 การที่ผู้ขอใช้โครงข่ายปฏิบัติผิดสัญญานี้ไม่ว่าข้อหนึ่งข้อใด หรือข้อย่อยข้อหนึ่งข้อใดโดยผู้ให้บริการโครงข่ายมิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา หรือมิได้ใช้สิทธิเรียกเอาค่าเสียหายหรือค่าปรับอันเกิดจากการผิดข้อตกลงร่วมกัน หรือผู้ให้บริการโครงข่ายยังคงยินยอมให้ผู้ขอใช้โครงข่ายปฏิบัติตามเอกสารข้อตกลงร่วมกันนี้อยู่ต่อไป มิให้ถือว่าผู้ให้บริการโครงข่ายยินยอมยกเว้นการบังคับตามเอกสารข้อตกลงร่วมกันนี้ หรือสละข้อเรียกร้องหรือสิทธิต่างๆ นี้ ต่อผู้ขอใช้โครงข่าย การที่ผู้ให้บริการโครงข่ายยินยอมผ่อนปรนสำหรับ ผู้ขอใช้โครงข่ายในกรณีใด ให้มีผลเฉพาะการยินยอมคราวนั้น ทั้งนี้ การยินยอมผ่อนปรน ดังกล่าวไม่ตัดสิทธิของผู้ให้บริการโครงข่ายที่จะเรียกเอาค่าเสียหายหรือค่าปรับนับแต่วันที่ผู้ขอใช้โครงข่ายปฏิบัติผิดข้อตกลงร่วมกันหรือบอกเลิก ข้อตกลงร่วมกัน
ข้อ 37 กรณีดังต่อไปนี้ถือว่าเป็นเหตุแห่งการปฏิบัติผิดข้อตกลงร่วมกัน
ข้อ 38 ผลของการปฏิบัติผิดข้อตกลงร่วมกัน
ข้อ 39 เอกสารข้อตกลงร่วมกันสิ้นสุดลงทันทีโดยมิต้องบอกกล่าวเมื่อ
ข้อ 40 การบอกกล่าวและรายชื่อบุคคลที่ทำการติดต่อ
ในการส่งหนังสือ คำบอกกล่าว หรือเอกสารอื่นใดไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายให้ถือเอาภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงร่วมกัน หรือตามภูมิลำเนาใหม่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้แจ้งเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เป็นสถานที่ในการส่งคำบอกกล่าว
แต่ละฝ่ายได้ตกลงกำหนดบุคคลในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ให้เป็นผู้มีหน้าที่ติดต่อ ประสานงานและดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลข้างต้น จะต้องแจ้งดำเนินการแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน